พึ่งตอบแชตเพื่อนท่านนึงมารำพึงว่า ไม่รู้จะหาอะไรขาย สินค้าก็ดูทุกวัน ตลาดก็ไปเดินกับเพื่อนๆ แต่สินค้าที่ได้ก็เป็นสินค้าที่ซ้ำกับคนอื่น มีคนไทยขายกันเยอะแยะ ตัดราคากันจนไม่เหลืออะไร เลยไม่รู้จะหาอะไรมาขาย ตบท้ายด้วยถามว่าผมหาของมาขายได้ยังไง ที่จะไม่เหมือนคนอื่น
จริงๆ เรื่องนี้ผมพูดถึงบ่อยๆ ในกลุ่มเลยครับว่าอย่าไปขายของตามปากคนอื่น หรือแห่ขายของตามกระแสตลาด แต่หาของที่แปลกกว่าตลาดทั่วไป แล้วมันหมายถึงอะไร?
ก่อนอื่นลองนึกถึงจุดแข็งของอีเบย์ก่อนครับว่าที่นี่ของแปลก ของแตกต่างจากคนอื่นขายได้ราคาดีเสมอ แล้วทำไมเราต้องไปขายของเหมือนคนอื่น วิธีที่ผมใช้หาของขาย จริงแล้วมันง่ายมาก หาของได้เยอะมาก เจอสินค้าที่น่าขายได้มหาศาล จนกลายเป็น talk of the town เมื่อปีที่แล้ว ด้วย 2 วิธีการแบบนี้ครับ
- คนอื่นหาของใช้ Keyword ผมใช้ Sub Keyword ตัวอย่างเช่น คนอื่นอยากขายหิน ทุกคนก็จะพิมพ์ Stone แล้วก็จะเจอสินค้าที่เป็นหินเหมือนกันทุกคน แล้วค่อยมาแยกแยะอะไรน่าขาย ผมไม่เอา ผมจะนึกหาอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหิน เช่น sand, soil, road, moutain, beach, fossil มีอีกเพียบเลยให้หา แล้วคุณจะเจอสินค้าใหม่ๆ แปลกที่น่าสนใจกว่าการหาด้วย stone อย่างเดียว
- คนอื่นใช้ Keyword ในการหาสินค้า ผมใช้ชื่อ catagory หรือชื่อหมวดหมู่สินค้า ในการค้นหาครับ คือเลิกหาสินค้าด้วยคีย์เวิร์ดไม่กี่ตัวที่เรานึกออก เพราะมันก็เป็นตัวเดียวกับที่คนอื่นนึกออกเหมือนกัน หามันด้วยชื่อหมวดเลยแบบนี้คุณจะเจอสินค้ามหาศาลเลยที่น่าสนใจมากกว่าหาด้วยคำไม่กี่คำครับ
ส่วนใหญ่ที่เราสนใจเข้ามาทำอีเบย์กัน เพราะเราได้ยินว่าทำอีเบย์แล้วรวยเป็นแสนเป็นล้าน แต่วันๆ เรามานั่งไล่นับเงินหลักสิบบาท นี่อีกกี่ปีครับจะได้แต่เงินแสนเงินล้านกัน
พี่บล๊อกพี่บอกขายของถูกไม่ดีหรือครับ
อ๊ะอ๊ะ อย่าตีความแบบนั้น ผมบอกแค่ว่าขายของเราควรมีกำไรขั้นต่ำเอาไว้ในใจเท่านั้นครับ ไม่ได้บอกว่าขายของถูกไม่ดี ตัวอย่างเช่น กล่องพลาสติกกลมเล็กๆ แบบนี้ใบนึง 3-5 บาท ค่าส่ง 30 ขาย 71 บาท ค่าธรรมเนียมทุกอย่าง 15 บาท รวมทุน 50 บาท ขาย 1 ชิ้นได้กำไร 20 บาท นี่ขายไป 525 ชิ้น ได้กำไรไปหมื่นกว่าบาทแล้วครับ ฉะนั้นจะขายถูกขายแพงแล้วแต่เรา แต่ควรมีกำไรขั้นต่ำในใจก็พอครับ อย่ายอมขายขาดทุนเพื่อเอากล่องเอาตัวเลขเป็นพอ เรากินข้าวไม่ได้กินตัวเลขครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น