วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

เคสลูกค้า ป้องกันได้ แก้ปัญหาก็ได้ง่ายจัง

สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเทคนิคดีๆ ในการป้องกันเคสจากลูกค้า และแก้ปัญหาเรื่องของเนกาทีพแบบง่ายๆ มาให้เพื่อนๆ ลองทำตามดูครับ

วิธีนี้ผมเรียกบริการหลังการขายครับ อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ผมใช้มานานและก็แปลกที่ไม่ค่อยเจอเคส ไม่เคยโดนคืนของ หรือรีฟันด์เงินคืนสักชิ้นเดียวตั้งแต่เริ่มขายมา
คือหลังจากเราขายได้ ผมจะทำสิ่งนี้

1. วันที่แพคของผมจะถ่ายรูปกล่องสินค้าทั้งก่อนและหลังแพค รวมถึงหลังไปรษณีย์รับแล้ว มาส่งอินบ๊อกซ์ให้กับลูกค้า พร้อมแจ้งหมายเลขแทรคกิ้งนัมเบอร์ และวิธีตามดูสินค้าให้ลูกค้าทุกคน เพราะผมเชื่อว่าลูกค้าบางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องทำยังไงกับเลขที่ได้มา

2. ทุกวันจันทร์ผมจะเช็คแทรคกิ้งนั้นว่าของไปถึงไหนแล้ว แล้วมาแจ้งลูกค้าสองทางคือ
2.1 แจ้งทางอินบ็อกซ์ของลูกค้า
2.2 แจ้งใส่หน้ารายการขายด้วยฟังก์ชั่น Edit Note ใต้ More Option ซึ่งทุกอย่างที่เราบันทึกไว้ มันจะโชว์ขึ้นมาที่หน้าจอแบบนี้ครับ


3. หลังจากนั้นผมก็จะชวนลูกค้าคุยสรรพเพเหระไปเรื่อย จนท้ายสุดได้ลูกค้าเป็นเพื่อน ซึ่งผลที่ได้คือหากมีปัญหาใดๆ ในเรื่องของการส่ง หรือตัวสินค้า ลูกค้าจะคุยกับเราก่อน แทนที่จะตรงดิ่งเปิดเคสก่อนแล้วมาคุยกับเราครับ

ผมทำแบบนี้มานาน และได้ผลดี ไม่เจอเคสใดๆ เลยเอามาแบ่งปันให้ลองใช้กันดูครับ โชคดีในการขายครับ ทุกท่าน

ติดตามบล็อกอื่นๆ ของผมได้ที่
https://www.blogger.com/blogger.g?blogID=7854480097752984276#allposts

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

ไขความลับเรื่องราคาที่ถูกปิดบังเอาไว้

เคยสงสัยกันมั๊ย เวลาที่เห็นราคาสินค้าที่ขายได้มันโดนขีดค่าไว้ แบบนี้

ผมเป็นพวกขี้สงสัย เห็นแล้วอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาขายไปในราคาเท่าไหร่กันแน่ วันนี้เลยขอเสนอวิธีง่ายๆ ในการหาตัวเลขจริงที่ถูกปิดบังเอาไว้ด้วยเหตุผลบางประการให้เราได้ลองกันครับ
ก่อนดูวิธีต้องเข้าใจก่อนว่ารู้แล้วดียังไง ดีตรงที่หากคุณไปหาของแบบนี้มาขายได้ จะได้ไม่ตั้งราคาที่มันสูงเวอร์ไปจนขายไม่ออกครับ

ก่อนอื่นเข้าไปที่หน้ารายการสินค้าชิ้นนั้น จากนั้น

1. copy item number

2. เข้าเว็ป Watchcount.com แล้วใส่ตัวเลขที่ก็อปปี้มาลงไป จากนั้นกด Show......






เท่านี้ความลับของดาวดวงนี้ก็จะเปิดเผยแก่คุณ



ขอให้มีความสุขในการค้นหาครับ

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

หาของขายยังไง ไม่ให้ซ้ำกับชาวบ้าน และไม่ต้องพึ่งคีย์เวิร์ดใดๆ






พึ่งตอบแชตเพื่อนท่านนึงมารำพึงว่า ไม่รู้จะหาอะไรขาย สินค้าก็ดูทุกวัน ตลาดก็ไปเดินกับเพื่อนๆ แต่สินค้าที่ได้ก็เป็นสินค้าที่ซ้ำกับคนอื่น มีคนไทยขายกันเยอะแยะ ตัดราคากันจนไม่เหลืออะไร เลยไม่รู้จะหาอะไรมาขาย ตบท้ายด้วยถามว่าผมหาของมาขายได้ยังไง ที่จะไม่เหมือนคนอื่น

จริงๆ เรื่องนี้ผมพูดถึงบ่อยๆ ในกลุ่มเลยครับว่าอย่าไปขายของตามปากคนอื่น หรือแห่ขายของตามกระแสตลาด แต่หาของที่แปลกกว่าตลาดทั่วไป แล้วมันหมายถึงอะไร?

ก่อนอื่นลองนึกถึงจุดแข็งของอีเบย์ก่อนครับว่าที่นี่ของแปลก ของแตกต่างจากคนอื่นขายได้ราคาดีเสมอ แล้วทำไมเราต้องไปขายของเหมือนคนอื่น วิธีที่ผมใช้หาของขาย จริงแล้วมันง่ายมาก หาของได้เยอะมาก เจอสินค้าที่น่าขายได้มหาศาล จนกลายเป็น talk of the town เมื่อปีที่แล้ว ด้วย 2 วิธีการแบบนี้ครับ


  1. คนอื่นหาของใช้ Keyword ผมใช้ Sub Keyword ตัวอย่างเช่น คนอื่นอยากขายหิน ทุกคนก็จะพิมพ์ Stone แล้วก็จะเจอสินค้าที่เป็นหินเหมือนกันทุกคน แล้วค่อยมาแยกแยะอะไรน่าขาย ผมไม่เอา ผมจะนึกหาอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหิน เช่น sand, soil, road, moutain, beach, fossil มีอีกเพียบเลยให้หา แล้วคุณจะเจอสินค้าใหม่ๆ แปลกที่น่าสนใจกว่าการหาด้วย stone อย่างเดียว
  2. คนอื่นใช้ Keyword ในการหาสินค้า ผมใช้ชื่อ catagory หรือชื่อหมวดหมู่สินค้า ในการค้นหาครับ คือเลิกหาสินค้าด้วยคีย์เวิร์ดไม่กี่ตัวที่เรานึกออก เพราะมันก็เป็นตัวเดียวกับที่คนอื่นนึกออกเหมือนกัน หามันด้วยชื่อหมวดเลยแบบนี้คุณจะเจอสินค้ามหาศาลเลยที่น่าสนใจมากกว่าหาด้วยคำไม่กี่คำครับ
สำคัญสุดคือหาสินค้าได้แล้ว คุณต้องเอาสินค้านั้นกลับมาค้นอีกรอบว่ามีคนขายกันอยู่เยอะแค่ไหน และราคาที่ขายกันอยู่นี่ ขายแล้วเหลือเท่าไหร่ กำไรน่าพอใจมั๊ย เราควรมีกำไรขั้นต่ำที่เรารับได้ต่อหนึ่งชิ้น ไม่ใช่เอาแค่ขายได้ก็สบายใจแล้ว ถ้าเอาแบบนั้น คุณนั่งเฉยๆ อยู่บ้าน ไม่ต้องขายก็ได้จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมานั่งลงของ นั่งแพคของ นั่งแก้ปัญหากับลูกค้าครับ

ส่วนใหญ่ที่เราสนใจเข้ามาทำอีเบย์กัน เพราะเราได้ยินว่าทำอีเบย์แล้วรวยเป็นแสนเป็นล้าน แต่วันๆ เรามานั่งไล่นับเงินหลักสิบบาท นี่อีกกี่ปีครับจะได้แต่เงินแสนเงินล้านกัน



พี่บล๊อกพี่บอกขายของถูกไม่ดีหรือครับ
อ๊ะอ๊ะ อย่าตีความแบบนั้น ผมบอกแค่ว่าขายของเราควรมีกำไรขั้นต่ำเอาไว้ในใจเท่านั้นครับ ไม่ได้บอกว่าขายของถูกไม่ดี ตัวอย่างเช่น กล่องพลาสติกกลมเล็กๆ แบบนี้ใบนึง 3-5 บาท ค่าส่ง 30 ขาย 71 บาท ค่าธรรมเนียมทุกอย่าง 15 บาท รวมทุน 50 บาท ขาย 1 ชิ้นได้กำไร 20 บาท นี่ขายไป 525 ชิ้น ได้กำไรไปหมื่นกว่าบาทแล้วครับ ฉะนั้นจะขายถูกขายแพงแล้วแต่เรา แต่ควรมีกำไรขั้นต่ำในใจก็พอครับ อย่ายอมขายขาดทุนเพื่อเอากล่องเอาตัวเลขเป็นพอ เรากินข้าวไม่ได้กินตัวเลขครับ

สิบขั้นง่าย ๆ ที่ทำไม่ง่ายก่อนจะก้าวสู่ยอดขายระดับล้าน

พี่คะเห็นพี่คนนั้นคนนี้เขาขายของได้เดือนละเป็นล้านสองล้านเลย หากหนูอยากได้บ้างต้องทำยังไงคะ???? อันดับแรกเลิกบ่นครับ งานเยอะปัญหาเยอะเป็นเร...