วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ถ่ายรูปอย่างไรให้น่าซื้อ

สำหรับการถ่ายรูป หลายคนอาจบอกว่าทำไมต้องมาสอน มันยากตรงไหน ใครๆ ก็ถ่ายได้ ทุกวันนี้อุปกรณ์ดีจะตาย กล้องมือถือฉันนี่ก็ 13 ล้านพิกเซล ระบบอีกเพียบ กล้องถ่ายรูปฉันก็รุ่นล่าสุด รวมเลนส์แล้ว ตัวละเกือบแสน ถ่ายยังไงก็สวย หากใครคิดแบบนี้อยู่ก็ผ่านไปได้เลยครับ ไม่ต้องอ่านไปให้เสียเวลาครับ แต่สำหรับเพื่อนที่อยากอ่านติดตามมาได้เลย
อุปกรณ์ที่จำเป็นในการถ่ายสินค้า :
1. กล้องถ่ายรูป / สมาร์ทโฟน จะใช้อะไรก็ได้ครับ แต่ขอให้คุณภาพดีนิดนึง ความละเอียดของกล้องสูงๆ เข้าไว้ครับ และต้องซูมได้สูงพอประมาณ ไม่ต้องแพงมาก แต่ต้องถ่ายออกมาแล้วใช้ได้ดีครับ กล้องบางแบรนด์ 4-5,000 ก็ถ่ายและซูมได้ดีมากแล้วครับ ไม่ต้องเป็นแสน แบกกล้องเป็นแสนถ่ายไม่เป็นก็เหมือนที่ทับกระดาษอันนึงครับ

2. ขาตั้งกล้อง / ขาตั้งมือถือ หรือไตรพอด จำเป็นมากสำหรับพ่อค้าทั้งหลาย เพราะภาพที่ถ่ายเราต้องการความคมชัด หากมือคุณไม่นิ่งพอ เวลาถ่ายภาพ โดยเฉพาะภาพเล็กๆ รับรองภาพไหวทุกรูป ฉะนั้นขาตั้งลงทุนเถอะครับ ราคาไม่เท่าไหร่

3. กระดาษสี กระดาษไข ผ้าสีต่างๆ หรืออะไรก็ตามที่คุณเห็นว่ามันเหมาะกับการเป็นฉากถ่ายภาพ เพื่อที่จะผลักให้รูปสินค้าของคุณดูโดดเด่น

4. Memory Card เอาแบบจุเยอะๆ ได้จะดีมากครับ เพราะภาพยิ่งความละเอียดสูง ขนาดไฟล์ยิ่งใหญ่ครับ

5. อุปกรณ์ติดตั้งสินค้า เช่นกาวก้อน หรือเทป 2 หน้า กรณีสินค้าชิ้นเล็กมากๆ

6. ไฟตั้งโต๊ะ ดวงหรือ 2 ดวง เอาไว้ช่วยเพิ่มแสง ลดเงาของสินค้า แนะนำหลอดแบบเดย์ไลท์ เพราะให้แสงที่สว่างและสีภาพที่ถ่ายออกมาจะเพี้ยนน้อยหน่อยครับ เพราะหลอดแต่ละแบบจะให้อุณหภูมิสีที่แตกต่างกันครับ

7. แฟลช มีก็ได้ไม่มีก็ได้  เพราะโดยปกติเราไม่ใช้แฟลชในการถ่ายรูปสินค้าครับ หากเรามีโคมไฟตั้งโต๊ะหรือทำกล่องไฟจะยิ่งดีมาก

8. กล่องไฟ อุปกรณ์สำหรับคนที่อยากให้รูปออกมาสวย เพราะมันจะช่วยให้เราจัดความสว่างของภาพ ลดเงา และช่วยลดแสงสะท้อน ระหว่างวัตถุกับไฟโดยตรงครับ กล่องไฟมีประโยชน์มาก เพราะ
- หากเราเอาของสีอ่อนตั้งกลางแจ้ง แล้วถ่าย มุมนึงของภาพรายละเอียดจะหายไป มีแต่สีขาว
- หากเราถ่ายสินค้าตอนค่ำ ภาพก็จะดรอป มีความแตกต่างของแสงเงาสูง และสีของภาพก็จะเพี้ยน มีน๊อยซ์หรือเม็ดสีในภาพเต็มไปหมด ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เมื่อเราถ่ายภาพด้วยกล่องไฟ แต่ไม่ได้หมายความว่ากล่องไฟทุกกล่องจะถ่ายภาพได้ดี เรื่องแบบนี้อยู่ที่คนใช้ครับ ว่าจัดแสงเป็นมั๊ย วางมุมภาพเป็นอย่างไร

กล่องไฟมีหลากหลายแบบ ใครมีทุนหน่อยก็อาจจะซื้อเอาตามร้านต่างๆ ราคาเริ่มต้น 1,000 กว่าบาทถึงหลายพัน หรือใครอยากประหยัดก็สามารถ DIY ได้ด้วยตัวเองด้วยทุนไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น ประหยัดไปได้หลายเท่าตัว แต่ใช้งานได้ไม่ทนเท่าไหร่ แต่ผมไม่อยากให่พวกเราลงทุนกับมันเยอะแยะนะครับ

9. คน อุปกรณ์สำคัญที่สุดของการถ่ายภาพเลยครับ เพราะให้ถือกล้องราคาเป็นแสน แต่ใช้ไม่คล่องก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ที่แบกกล้องตัวใหญ่ๆ เดินถือกันเต็มเมืองแต่ถ่ายภาพกันออกมาสู้กล้องปัญญาอ่อนไม่ได้เลย แต่ในขณะเดียวกัน หลายคนที่ใช้เพียงกล้องมือถือห่วยๆ กลับถ่ายรูปออกมาแล้วได้คุณภาพรูปที่ดีกว่ากันเยอะเลยครับ ทั้งหมดมันเกิดจากประสบการณ์และมุมมองครับ หัดถ่ายบ่อยๆ เล่นกับเมนูต่างๆ ให้คล่อง รู้ว่าเปลี่ยนเมนูแล้วภาพจะออกมาเป็นอย่างไร ถ่ายภาพในแสงแต่ละแบบ คุณภาพรูปจะแตกต่างกันอย่างไร และหัดหามุมถ่ายที่ใหม่ๆ แปลกๆ ไปเรื่อยๆ ก็จะรู้มุมว่าสินค้าไหนถ่ายมุมแบบไหนรูปถึงจะเด่นครับ

10. โปรแกรมเสริม เพื่อตัดต่อภาพ ครอปภาพ ย่อขยายสัดส่วนภาพให้ได้ขนาด และถ่ายภาพหน้าจอ ที่คุณภาพดีๆ ใช้งานง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เช่น Photoshop, Photo scape, Image resizer, snage it จำเป็น และสำคัญมากสำหรับนักขายเลยครับ เพราะหากไม่ใช่มืออาชีพน้อยครั้งที่ถ่ายภาพเสร็จแล้วจะเอามาใช้ได้เลย ส่วนมากต้องผ่านการตกแต่งกันสักเล็กน้อยก่อนครับ



เอาล่ะ อุปกรณ์ครบแล้ว มาเข้าสู่วิธีการถ่ายภาพสินค้าให้น่าสนใจครับ
  1. ลอง จัดวางภาพหลายๆ มุม หมุนให้รอบทิศทาง หาอุปกรณ์ หรือพร็อพประกอบฉากให้ดูน่าสนใจครับ  เหมือนอย่างเช่นบางครั้งเราเห็นรูปแหวนแต่งงาน ตั้งอยู่ข้างดอกกุหลาบนั่นละครับ แต่อย่าให้องค์ประกอบอื่นมาแย่งความสนใจของสินค้าคุณครับ
  2. ลองถ่ายสินค้ากับฉากที่หลากหลาย เพื่อดูว่าฉากแบบไหน หรือสีข้างหลังแบบไหนที่จะช่วยขับให้สินค้าเราเด่น หลีกเลี่ยงฉากหลังที่รกรุงรัง หรือสีสดจัด มาดึงความสนใจจากสินค้าเราแทน
  3. หา รูปแบบแสงหลายๆ แบบกับสินค้าแต่ละชิ้น เพราะของบางอย่างถ่ายแบบใสๆ สว่างก็สวย แต่บางอย่าง ถ่ายกับแสงเงาที่แตกต่างกันมากๆ กลับสวย ต้องลองเล่นดูครับ
  4. ลองเปลี่ยน White Balance ในกล้องของคุณดูว่า แบบไหนที่จะให้ค่าสีของสินค้าที่ถูกต้อง ไม่เพี้ยนจากของจริง
  5. เวลา ถ่ายโฟกัสที่จุดเด่นของสินค้า อย่าให้หลุด ไม่ใช่ถ่ายแหวน แต่ปรากฏว่าด้านหลังชัดมาก แต่แหวนเบลอ อย่างงี้ไม่ดีแน่  เหมือนเวลาถ่ายภาพพอร์ตเทรต เค้าสอนให้โฟกัสที่ดวงตานางแบบ แต่พอถ่ายชุดบิกินี่ที่ไร ไปชัดตรงอื่นซะงั้นครับ
  6. อย่าถ่ายออกมาแล้ว สีเพี้ยน ขนาดเปลี่ยน ไปจากความเป็นจริง เพราะลูกค้าอาจคืนของเหตุเพราะไม่เหมือนกับภาพที่โชว์ครับโดยเฉพาะเรื่องขนาด การวางกล้องบางมุมจะทำให้ขนาดของสินค้าพิเพี้ยนไป และลูกค้าบางคนก็บ้าจี้ยึดตามรูปที่เห็นซะด้วย
  7. อย่างก ถ่ายให้ได้หลายมุม หลายแบบ เพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุด สวยและแตกต่างจากรูปของคนอื่นเพื่อดึงดูดความสนใจครับ ถ่ายแล้วไม่ใช้เราก็ลบทิ้งได้ครับ
  8. หลังถ่ายแล้ว เวลาเอาภาพมาแต่ง ก็อย่าให้มันสวยเกินจริง สีเปลี่ยน ขนาดเปลี่ยน เพราะอาจโดนคืนเหมือนกันครับ
  9. จะให้ดี หาที่ใส่โลโก้ของคุณลงไป เพื่อป้องกัน คนมักง่ายเอารูปเราไปใช้นะครับ
  10. หลีกเลี่ยงการเอารูปสินค้าจากเว็บ หรือจากกูเกิลมาใช้ เพราะรูปพวกนี้มีลิขสิทธิ์ อาจโดนรายงาน หรืออาจโดนฟ้องได้ครับ
  11. หลีกเลี่ยงการเอารูปที่เหมือนกับพ่อค้าแม่ค้าไทยคนอื่นมาใช้เพราะ ปัญหาหลักเลยคือคนไทยชอบทำร้ายคนไทยด้วยกันครับอย่าลืมว่าเราอยู่ใน Red Ocean ทะเลเลือดที่ทุกคนห้ำหั่นกันเพียงเพื่อให้ธุรกิจของตัวเองอยู่รอด


โชคดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

สิบขั้นง่าย ๆ ที่ทำไม่ง่ายก่อนจะก้าวสู่ยอดขายระดับล้าน

พี่คะเห็นพี่คนนั้นคนนี้เขาขายของได้เดือนละเป็นล้านสองล้านเลย หากหนูอยากได้บ้างต้องทำยังไงคะ???? อันดับแรกเลิกบ่นครับ งานเยอะปัญหาเยอะเป็นเร...